วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

นิทานสำหรับเด็ก

เด็กเลี้ยงแกะ

เด็กเลี้ยงแกะ
ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งมีเด็กเลี้ยงแกะ อยู่คนหนึ่ง ทุกวัน…ทุกวัน…เด็กเลี้ยงแกะคนนี้ จะต้องต้อนฝูงแกะของตน ออกไปหากินหญ้าที่เนินเขาใกล้ชายป่าอยู่สมอมา…และเมื่อเขาได้นำฝูงแกะมาถึงที่หมายแล้ว ก็จะต้องนั่ง เฝ้าเพื่อคอยปกป้องให้พ้นจากการเป็นเหยื่อของหมาป่า อยู่จนกว่าพวกแกะทั้งฝูงจะกินหญ้าเสร็จ ซึ่งมันก็เป็น หน้าที่ประจำวันที่แสนจะน่าเบื่อหน่ายอย่างที่สุดของเขา เมื่อทุกวันๆ จำจะต้องทำอย่างซ้ำซากจำเจและหลีกเลี่ยงไม่ได้อย่างนั้น เขาจึงรู้สึกเบื่อหน่ายและแสนที่จะเซ็ง…อย่างที่สุดขึ้นมาเข้าวันหนึ่ง จึงคิดหาเรื่องสนุกๆ ทำเล่น เพื่อให้คลายความเครียดและเกิดความสนุกสนานขึ้นมาเสียสักหน่อย…ท่าจะดี และเมื่อคิดได้อย่างนั้นแล้ว… จึงแกล้งร้องตะโกน ขึ้นด้วยเสียงอันดัง พร้อมทั้งวิ่งอย่างตระหนกตกใจเข้าไปในหมู่บ้าน ปากก็ร้องตะโกนโหวก เหวกไปตลอดทางว่า “ช่วยด้วยจ้า ! ช่วยด้วยจ้า….หมาป่ามากินแกะแล้ว…ช้วยด้วยเจ้าข้า…” พวกชาวบ้านเมื่อ ได้ยินว่ามีหมาป่าออกมาดังนั้น จึงพากันวิ่งเข้ามาหมายจะช่วยพร้อมด้วยอาวุธต่าง ๆที่พอจะมีกัน…แต่แล้วเมื่อ พากันวิ่งมาถึงตรงที่พวกฝูงแกะอยู่นั้น ก็ไม่พบและเห็นว่ามี หมาป่าอยู่ที่ไหนเลยสักตัวเดียว แล้วยังแถมมองเห็น ว่าพวกแกะนั้นกำลังเล็มหญ้ากินกันอย่างสบายใจ เด็กเลี้ยงแกะแอบหัวเราะขึ้นในใจ อย่างถูกใจเป็นที่สุด ที่ หลอกทุกคนได้ “ฮ่าๆๆๆ ฮู่ๆๆๆๆ ขำว่ะคนโดนเด็กหลอก ฮ่าๆๆๆ” เจ้าเด็กเลี้ยงแกะยิ้มหน้าระรื่นพร้อมทั้ง ได้บอกกับพวกชาวบ้านที่กำลังยืนงงกันอยู่นั้น อย่างมองแล้วก็รู้ว่าโดนเด็กหลอกให้เข้าอย่างเต็มเปาเลยหละว่า “พวกท่าน ฮึๆๆ มาช้าไปนิดเดียวแค่เส้นยาแดงผ่าแปดเอง หมาป่ามันวิ่งหนีไปทางโน้น…แล้วหละ ฮึๆๆๆ” พวกชาวบ้านเมื่อได้ฟังดังนั้น และเห็นเด็กเลี้ยงแกะทำท่าหัวเราะถูกใจ อย่างสุดที่จะระงับด้วยอาการแบบนั้นเข้า ก็รู้ทันทีว่าพวกเขาได้โดนหลอกเสียแล้ว ต่างก็ให้เป็นโมโหกันอย่างมาก ด้วยเพราะต้องเสียเวลาทำงานของพวก เขาไปโดยปล่าวประโยชน์เหมือนไร้ค่าแบบน่าโมโหอย่างนั้น เด็กเลี้ยงแกะเมื่อหลอกใครๆ ได้สำเร็จ ก็ให้เป็นรู้สึก สนุกสนานเป็นอย่างมาก แล้วจากนั้น เขาก็ยังแกล้งหลอกแบบเดิม ให้ชาวบ้านพากันวิ่งหน้าตื่นเข้ามาช่วย ได้อีก 2-3 ครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้มีหมาป่าออกมาไล่จับกินแกะเข้าจริงๆ คราวนี้เด็กเลี้ยงแกะ ตาเหลือก หน้าซีดวิ่งร้อง เสียงหลงเลยทีเดียว และได้เข้าไปขอร้องผู้คนเป็นการใหญ่ “ช่วยด้วยจ้า ! ช่วยด้วยจ้า….หมาป่ามากินแกะแล้ว… ช้วยด้วยเจ้าข้า !” เขาตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจนหอแหบ คอแห้งไปหมด แต่พวกชาวบ้านนั้น ด้วยทุกคน ก็ได้เคยโดนหลอกอย่างนี้มาแล้วหลายหน จึงไม่สนใจและเดินหนีกันไปหมดทุกคนเลยนั่นแหละ…. ก็จะมีใครเล่า…ที่จะเชื่อคนที่เคยและชอบโกหกพกลมอย่างนี้…สักคนเล่า…และในที่สุดฝูงแกะทั้งฝูงของเด็กเลี้ยงแกะผู้ชอบปด ก็เลยจำต้องโดนหมาป่าเขมือบกินเป็นอาหารไปเสียจนหมด ไม่มีเหลือเลยสักตัว เด็กเลี้ยงแกะเลยจำต้องมานั่งร้องให้โอดครวญอย่างน่าสงสารอยู่ตรงข้างซาก ของฝูงแกะของตัวเอง และพูดทั้งน้ำตาว่า “ไม่ควร เล้ย..เพราะข้าไม่ดีเอง ขี้โกหกโป้ปดมดเท็จ เพราะเห็นเป็นเรื่องสนุก กว่าจะรู้ว่ามันไม่ดี…ฮื่อๆๆๆ ก็สายไปเสีย แล้ว ฮื่อๆๆๆ” เขานั่งร้องให้ขี้มูกโป่งด้วยความเศร้าโศรก อย่างที่เรียกว่า ผิดครั้งนี้..เล่นเอา เขาจำต้องหัวเราะไม่ ออกไปอีกนานเลยทีเดียวเลยหละ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนที่มักหรือชอบพูดโป้ปดมดเท็จ เมื่อถึงคราวพูดจริงก็ยากที่จะมีใครสักคนเชื่อ …


 

สุนัขจิ้งจอกกับไก่บ้าน

สุนัขจิ้งจอกตัวหนึ่งอยากกินไก่บ้านมากจึงเเกล้งถาม ด้วยอุบายว่าไก่ตัวนั้นขันเสียงไพเราะเหมือนผู้เป็นพ่อ ได้หรือไม่ ไก่บ้านหลงกล จึงหลับตาโก่งคอขันทันที สุนัขจิ้งจอก จึงฉวยโอกาสงับคอไก่เเล้วพาวิ่งไป ชาวนาจึงตะโกนร้องว่าจิ้งจอกขโมยไก่ของตน ไก่จึงหลอกให้สุนัขจิ้งจอกร้องบอกชาวบ้านว่า ไก่ตัวนี้เป็นของมันมิใช่ของชาวบ้าน จิ้งจอกเจ้าเล่ห์คิดว่าตนฉลาดเเต่ที่เเท้ยังขาดความเฉลียว ดังนั้นมันจึงอ้าปากร้องบอกชาวบ้านตามที่ไก่เเนะนำ ไก่จึงได้ทีรีบบินปรื๋อออกจากปากหนีไปหาเจ้าของอย่างรวดเร็วเเล้วก็หัวเราะเยาะ สุนัขจิ้งจอกเป็นการใหญ่

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ถ้าพูดมากไป ก็อาจทำให้เสียของดีๆ ที่อยู่ในกำมือเเล้ว ได้เช่นกัน



 

สองเกลอกับขวาน


ชายสองคนเป็นเพื่อนเกลอร่วมเดินทางได้กันจนพบขวานเล่มหนึ่งตกอยู่
“ขวานเล่มนี้เป็นของข้าเพราะข้าพบก่อน”
ชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นพลางก้มลงหยิบขวานมาถือไว้
“เราสองคนเจอพร้อมกันนะจะว่าเจ้าพบก่อนได้อย่างไร”
บังเอิญขณะนั้นชายเจ้าของขวานผ่านมาจึงเอ่ยขึ้นว่า
“อยู่นั่นเองขโมยที่ลักขวานของข้าไป”
“ตายเเล้วพวกเรา” ชายที่ถือขวานร่ำร้อง
เพื่อนเกลอของเขาจึงรีบกล่าวว่า
“อย่าพูดว่า “พวกเรา” สิ ข้าไม่เกี่ยวข้องด้วยนะ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนเรามักอยากร่วมเเบ่งปันเเต่สิ่งดีๆ ไม่อยากร่วมรับโทษรับภัยด้วย


 

ลูกเเกะรู้ทันหมาป่า

หมาป่าบาดเจ็บตัวหนึ่งเอ่ยกับลูกเเกะที่ผ่านมาว่า
“เพื่อนเอ๋ย ข้าได้รับบาดเจ็บจนเดินไม่ได้ เจ้าช่วยไปหาน้ำ มาให้ข้าสักหน่อยเถิด ข้าหิวน้ำเหลือเกิน”
ลูกเเกะได้ยินเช่นนั้นก็เเถลงถามว่า
“เเล้วอาหารล่ะ ท่านไม่หิวหรือ”
หมาป่ามองดูลูกเเกะตัวอ้วนเเล้วก็เผลอกลืนน้ำลายก่อนจะเอ่ยว่า
“ไม่ต้องหาอาหารมาให้ข้าหรอก ข้าหาเองได้”
ลูกเเกะหัวเราะเเล้วว่า
“ใช่สิ เมื่อข้าเอาน้ำเข้าไปให้ เจ้าก็จะฉวยโอกาสจับข้ากิน เป็นอาหารน่ะสิ”

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คำขอร้องของคนร้าย มักซ่อนกลอุบายไว้ ควรระวัง




ลาโง่กับสิงโต

เมื่อสิงโตคำรามในยามออกล่าเหยื่อ สัตว์ต่างๆ ที่ผ่านมาก็จะหวาดกลัวเเละรู้ว่าเป็นเสียงสิงโตจึงมักวิ่งหนีไปได้ก่อนที่จะกลายเป็นอาหารอันโอชะของสิงโต สิงโตจึงทำอุบายไปตีสนิทกับลาเเล้วชวนลาไปล่าเหยื่อด้วยกันลาดีใจนักที่ได้เป็นเพื่อนกับเจ้าป่าจึงทำตามที่สิงโตบอกทุกอย่าง ลาเข้าไปซุ่มซ่อนในพงไม้ พอสัตว์ต่างๆ ผ่านมาลาก็จะเเหกปากร้องสุดเสียง พวกสัตว์ต่างๆ ไม่เคยได้ยินเสียง ลา จึงพากันวิ่งไปอีกทางหนึ่งซึ่งสิงโตดักซุ่มอยู่ วันนั้นสิงโตจึงได้อิ่มหนำสำราญกับสัตว์นานาชนิด ลาก็คุยโอ่อย่างภูมิใจว่าที่สิงโตกินอิ่มได้ก็เพราะเสียงอันน่ากลัวของตน สิงโตก็ได้เเต่ยกยอปอปั้นลาทั้งๆ ที่รู้ว่าสัตว์ต่างๆ นั้นวิ่งหนี เพราะตกใจในเสียงประหลาดๆ ของลาต่างหาก

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
คนโง่ย่อมตกเป็นเครื่องมือของคนฉลาด



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น